ความหมายขององค์การ(Organization)
นักวิชาการได้ให้ความหมายขององค์การไว้ ดังนี้
แมกซ์ เวเบอร์ กล่าวว่า องค์การ หมายถึง
หน่วยสังคมหรือหน่วยงานซึ่งมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันดำเนินกิจกรรมต่างๆ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
เชสเตอร์ บาร์นาร์ด กล่าวว่า องค์การ หมายถึง
ความร่วมมือกันระหว่างบุคคลหลายคนซึ่งมีความตั้งใจจริงที่จะร่วมกันดำเนินกิจกรรมให้บรรลุวัตถุประสงค์
แทลคอตต์ พาร์สัน กล่าวว่า องค์การ หมายถึง
บรรดาระบบประสานสัมพันธ์ร่วมมือกันทำงานทุกชีวิตของมนุษย์
เอมิไท เอตชิโอนิ กล่าวว่า องค์การ หมายถึง สังคมหรือหน่วยคนที่ตั้งขึ้นอย่างจงใจ
เพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่แน่นอนอย่างใดอย่างหนึ่ง
ธงชัย สันติวงษ์ กล่าวว่า
องค์การคือการจัดระเบียบกิจกรรมให้เป็นกลุ่มก้อนเข้ารูปและการมอบหมายงายให้คนปฏิบัติ
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของงานที่ตั้งไว้
ศิริวรรณ
เสรีรัตน์ และคณะ กล่าวว่า องค์การคือ
กระบานการที่กำหนดกฎ ระเบียบ
แบบแผนในการปฏิบัติงานขององค์การซึ่งรวมถึงวิธีการทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม
สมบูรณ์
ศรีสุพรรณดิษฐ์ ได้เสนอความหมายขององค์การไว้ว่า
เป็นระบบประสานกิจการของกลุ่มคนซึ่งร่วมงานกัน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวมภายใต้การสั่งการและความเป็นผู้นำ
สมคิด บางโม กล่าวว่า องค์การ หมายถึง กลุ่มบุคคลหลายๆคนรวมกลุ่มกันอย่างถาวร
มีการจัดระเบียบภายในกลุ่มเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละคน
จากความหมายขององค์การระดับต่างๆ
ที่กล่าวทั้งหมดอาจสรุปได้ว่า องค์การ คือ กลุ่มบุคคลที่มาปฏิบัติงานร่วมกัน
เพื่อให้งานดำเนินไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์
โดยมีระบบของการประสานงานอย่างเหมาะสม
ลักษณะขององค์การ
1. เป็นโครงสร้างของความสัมพันธ์ โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. กำหนดงานให้ชัดเจน มีการแบ่งงานกันทำ
สมาชิกในองค์การจะได้รับมอบหมายงานให้ทำงานตามความรู้
ความสามารถและความถนัดของแต่ละบุคคล
2. มีสายบังคับบัญชาเป็นชั้นๆ
ลดหลั่นกันลงมา มีสายการบังคับบัญชาเป็นชั้นๆ ตั้งแต่ระดับ
ระดับสูงสุดลงมาถึงระดับล่างสุดขององค์การ
3. มีวัตถุประสงค์
องค์การต้องมีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน
เพื่อสมาชิกขององค์การจะได้ยึดถือเป็นแนวทางในการทำงาน
2. เป็นกลุ่มบุคคล
กลุ่มบุคคล เกิดจากการรวมกลุ่มที่ถาวรเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ
ให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันขนาดของกลุ่มเท่าใดขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจการที่ทำ
3. เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการ
เนื่องจากองค์การจะมีปัจจัยต่างๆ ที่จะต้องใช้ในการจัดการ เช่น เงิน
วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงคนด้วย ดังนั้น เพื่อให้มีการใช้ปัจจัยต่างๆ
ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ จึงต้องมีความชัดเจนในการจัดองค์การ
4. เป็นกระบวนการ
เนื่องจากองค์การมีงานหรือกรรมวิธีต่างๆ
ซึ่งดำเนินต่อเนื่องกันไปจนสำเร็จลง ณ ระดับหนึ่ง
5. เป็นระบบ
ระบบเป็นการรวมสิ่งต่างๆ
ในองค์การที่มีลักษณะซํบซ้อนให้เข้าลำดับประสานกันเป็นอันเดียว ประกอบด้วย 3 ระบบใหญ่ๆ คือ ทรัพยากรที่ใช้ (Resource Input) กระบวนการแปรรูป (Tranformation Process) และผลผลิต
(Product Output)
ประเภทขององค์การ
1. ยึดตามวัตถุประสงค์เป็นเกณฑ์ แบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้
1. เพื่อประโยชน์ของสมาชิก
ตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของสมาชิกโดยตรง เช่น พรรคการเมือง สหกรณ์สโมสร สมาคบวิชาชีพ
(ครู แพทย์ พยาบาล) เป็นต้น
2. เพื่อองค์การธุรกิจ
ตั้งขึ้นเพื่อกำไร เช่น ห้างร้าน บริษัท ธนาคาร งานอุสาหกรรม เป็นต้น
3. เพื่อบริการ เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณทั่งไป
เช่น โรงบาล โรงเรียน สมาคบสงเคราะห์ เป็นต้น
4. เพื่อสวัสดิภาพของประชาชน
เป็นองค์การที่ตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน เช่น กระทรวง ทบวง กรม กอง
เป็นต้น
2. ยึดโครงสร้างเป็นเกณฑ์ ในการแบ่ง มี 2 ประเภท คือ
1. แบบเป็นทางการ (Formal Organization) หรือเรียกว่าองค์การรูปใน
เพราะว่ามีโครงสร้างอย่างเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผนแน่นอน มีกฎหมายรองรับ เช่น
บริษัท มูลนิธิ หน่วยราชการ กรม โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น
2. แบบไม่เป็นทางการ (lnformal
Organization) หรือเรียกว่า องค์การรูปนัย
เนื่องจากองค์การแบบนี้ตั้งขึ้นด้วยความพึงใจ และมีความสัมพันธ์ส่วนตัว
ไม่มีการจักโครงการภายใน มีการรวมกันอย่างง่าย ๆ และเลิกล้มได้ง่าย เช่น ครบครัว
ศาสนา เป็นต้น
3. ยึดการกำหนดเป็นเกณฑ์ มี 2 ประเภท ดั้งนี้คือ
1. องค์การขั้นปฐมภูมิ (Primary
Organization) หมายถึง
องค์การที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติสมาชิกทุกคนต้องเกี่ยวข้องกันมาแต่กำเนิด
มีกิจกรรมรวมเฉพาะกลุ่มติดต่อด้วยการส่วนตัว เช่น ครบครัว ศาสนา หมู่บ้าน เป็นต้น
2. องค์การขั้นทุติยภูมิ (Secondary
Organization) หมายถึง องค์การที่มนุษย์ตั้งขั้น
สมาชิกมีความสัมพันธ์กันด้วนเหตุผล และความรู้สึกสำนึกอย่างเป็นทางการ
ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในองค์การไม่เป็นแบบส่วนตัว เช่น หน่วยงานราชการ
ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม โรงเรียน สโมสร โรงพยาบาล เป็นต้น
วัตถุประสงค์ขององค์การ
1.เพื่อสร้างคุณค่าที่สังคมปรารถนาโดยเฉพาะหน่วยงานราชการเพื่อบริการประชาชนสร้างสรรค์ความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชน
ตลอดจนคุ้มครองความปลอดภัยต่าง ๆ และพัฒนาประเทศ
2. เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกแต่ละคน
และกลุ่มต่าง ๆ ในองค์การเพราะความต้องการของสมาชิกในกลุ่มมีความแตกต่างกัน เช่น
(1) บางคนต้องการเงิน
(2) บางคนต้องเกียรติยศชื่อเสียง
(3) บางคนต้องการผลประโยชน์
3. เพื่อความดำรงอยู่และความเจริญขององค์การ
สมาชิกทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมาย เช่น งานราชการ
ต้องทำหน้าที่บริการประชาชน งานธุรกิจเอกชน ต้องทำหน้าที่ให้ได้กำไรมากที่สุด
ท้ายสุดองค์การก็เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าต่อไป
สรุปแล้ววัตถุประสงค์ขององค์การ
มีดังนี้
(1) สร้างสรรค์สินค้าและบริการ
(2) สนองตอบความต้องการของสมาชิกและสังคม
(3) ความดำรงอยู่ตลอดไป
สืบค้นเมื่อ 31/10/17